ภูทับเบิก

เขาค้อ-ภูทับเบิก 2 วัน 1 คืน หน้าฝนดีต่อใจ

หน้าฝนในความรู้สึกของใครหลายๆคน อาจจะมองว่าเป็นช่วงโลว์ของการท่องเที่ยว แต่สำหรับเราแล้ว หน้าฝนเป็นอีกหนึ่งช่วงฤดูของการท่องเที่ยว เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติได้ส่งมอบความสดชื่นที่สุดให้กับเรา การท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนทำให้เราได้สัมผัสความเขียวของต้นไม้ใบหญ้า ทะเลหมอกที่หาได้ไม่ยาก แต่จะมีที่ไหนบ้างละ จะเป็นที่ๆ น่าเที่ยวสำหรับหน้าฝน และนั่นเป็นอีกหนึ่งคำถามที่เราจะมาตอบเพื่อนๆ ในทริปนี้

ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอีกแห่งหนึ่งสำหรับคนที่ชอบภูเขา นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลมาที่นี่เพื่อเที่ยวชมความสวยงามและสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นในช่วงฤดูหนาว แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวภูทับเบิกกันหน้าฝน จุดหมายปลายทางคือ ยอดภูทับเบิก ความสูง 1,768 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของ จ.เพชรบูรณ์ อีกด้วย

การเดินทางไปเที่ยวภูทับเบิกทริปนี้ เราใช้เวลา 2 วัน 1 คืน โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางจาก กทม. แต่ก่อนที่เราจะถึงจุดหมายปลายทางที่เราวางแผนไว้ นั่นก็คือยอดภูทับเบิก เรามีจุดแวะเที่ยวหลายจุด เพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดในการเดินทางของเราในครั้งนี้ และจุดแวะของเราในทริปนี้ ได้แก่
-เขาตะเคียนโง๊ะ-เขาค้อ
-น้ำตกศรีดิษฐ์
-วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
-ยอดภูทับเบิก
-ผาหัวสิงห์

ซึ่งก็แน่นอนหละ มีการเดินทาง ก็ต้องมีการเตรียมเสื้อผ้า อุปกรณ์การถ่ายรูป ของใช้ต่างๆ ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน เราก็เลยไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ใช้กระเป๋าใบเล็กที่เรามี คือกระเป๋า CHRISTOPHER GLOSSY BLOCKING SERIES สี CHARCOAL X GRASSY จากร้าน Doughnut bag – กระเป๋าโดนัท เป็นกระเป๋าแบบ Backpack ที่เหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง อีกทั้งยังน้ำหนักเบามากๆ กันน้ำได้ดี เพราะผลิตจากไนล่อนเคลือบเงา 400D กระเป๋าใบนี้จึงเหมาะมากๆ สำหรับทริปในหน้าฝนทริปนี้ของเรา

ภูทับเบิก

เราออกเดินทางจาก กทม. ช่วงดึกประมาณ 23.00 น. ถึง จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ อ.เขาค้อ ประมาณตีห้า เรามาทันที่จะได้ชมวิวและพระอาทิตย์ขึ้นพอดี เขาตะเคียนโง๊ะ เป็นจุดเช็คอินแรกในการเดินทางทริปนี้ของเรา

เขาตะเคียนโง๊ะ

เขาตะเคียนโง๊ะ เขาค้อ

เขาตะเคียนโง๊ะ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ใครมาเที่ยวเขาค้อแล้วควรจะมาเที่ยวที่นี่เป็นอย่างยิ่ง เขาตะเคียนโง๊ะสามารถชมทะเลหมอกได้แบบ 360 องศา บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า และวิวเบื้องหน้าเป็นเขาปู่ เขาย่า ที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

เขาตะเคียนโง๊ะ

เขาตะเคียนโง๊ะ

เขาตะเคียนโง๊ะ สามารถขับรถขึ้นมาเองได้ ถ้าเป็นวันธรรมดา แต่ถ้าเป็นวันหยุดคนเยอะ จะมีรถรับจ้างขับพานักท่องเที่ยวขึ้นมาชมวิวด้านบน ค่าบริการรถรับ-ส่ง คนละ 10 บาท และที่นี่ยังสามารถกางเต็นท์ได้ด้วย ค่าบริการสำหรับกางเต็นท์ ในกรณีนำเต้นท์มาเอง คิดค่าสถานที่ 100 บาท ส่วนใครที่ไม่มีเต็นท์มา สามารถเช่าเต็นท์ได้ในราคา 500 บาท นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วย หรือสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 087-0752467, 098-7463863,063-9959822
แผนที่ คลิกที่นี่

เช้านี้เราโชคดีที่มาทันเวลาพระอาทิตย์ขึ้น และยังได้สัมผัสกับทะเลหมอกที่สวยงาม หลังจากชมวิว เราก็ถือโอกาสอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันซะที่นี่เลย

เขาตะเคียนโง๊ะ

เขาตะเคียนโง๊ะ

น้ำตกศรีดิษฐ์ ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อ ค่าทำเนียมในการเข้าชมคนละ 20 บาท, มีค่าจอดรถ 30 บาท อยู่ห่างจากเขาตะเคียนโง๊ะประมาณ 15 กม. เป็นจุดเช็คอินที่ 2 ของเรา

น้ำตกศรีดิษฐ์

น้ำตกศรีดิษฐ์ มีลักษณะเป็นน้ำตกชั้นเดียวไหลผ่านจากหน้าผาหินตัด ดิ่งลงสู่เบื้องล่างเป็นเหมือนม่านน้ำ มีความสวยงามมาก มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ช่วงฤดูฝน สีของน้ำจะมีสีแดง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะน้ำจะไหลเชี่ยวกว่าปกติ

น้ำตกศรีดิษฐ์

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.เพชรบูรณ์ ใครที่มาเที่ยวเขาค้อ ต้องแวะมาที่นี่เพื่อสักการะและเยี่ยมชมความสวยงามของวัดแห่งนี้ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อยู่ห่างจากน้ำตกศรีดิษฐ์ประมาณ 45 กม. เป็นจุดเช็คอินที่ 3 ของเราในทริปนี้

 วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

 วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีชื่อเดิมว่า วัดพระธาตุผาแก้ว เมื่อก่อนเคยเป็นสถานปฏิบัติธรรมในแนวสติปัฏฐานสี่ เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันมี่พื้นที่ทั้งหมด 91 ไร่ เวลาที่เปิดให้เข้าชม 8.00-17.00 น.

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสีเขียวที่สวยงาม ในช่วงเช้าของวันที่เป็นฤดูฝนและฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกให้ชมกันอีกด้วย

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

หลังจากที่เราแวะเที่ยวหลายจุดเช็คอิน ก็ถึงเวลาที่เราจะเดินทาสู่เป้าหมายหลักของเรา นั่นก็คือภูทับเบิก ระยะทางจากวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วถึงภูทับเบิกประมาณ 50 กม.

เราขึ้นมาถึงภูทับเบิกประมาณ 15.00 น. ก็ขับรถไปเช็คอินที่พักทันที คืนนี้เราจะนอนกันที่ LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

อยากจะบอกว่าที่พักของเราวิวดีมากเวอร์ ด้านหน้าจะสามารถมองเห็นวัดป่าภูทับเบิก หรือในเวลาฟ้าเปิดสามารถมองลงไปถึงหมู่บ้านข้างล่างได้ด้วย และที่สำคัญอยู่ห่างจากจุดชมวิวภูทับเบิกแค่ 1.5 กม. เท่านั้น แผนที่คลิกที่นี่

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

เย็นนี้เราสั่งหมูกระทะจากที่พักไว้ เราบอกเลยว่าการนั่งกินหมูกระทะในบรรยากาศที่มีวิวสวยๆ อยู่ตรงหน้า อากาศเย็นๆ มันเป็นอะไรที่ฟินเวอร์เลยหละแกร

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ค่ำคืนที่เงียบสงบกับสายลมเบาๆ อากาศที่สดชื่นในฤดูฝน ถือว่าเป็นรางวัลที่ธรรมชาติมอบให้เรา คืนนี้คงเป็นคืนที่พิเศษสำหรับเราอีกคืนนึง

LockiiCream Thap Buek

เช้านี้เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับวิวเบื้องหน้าที่มีหมอกที่ขาวโพรนจนสุดลูกหูลูกตา เพราะเมื่อคืนนี้มีฝนตกลงมานิดหน่อย ทำให้เช้านี้อากาศดีมากๆ

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

LockiiCream Thap Buek

ภูทับเบิก

หลังจากทานเข้า อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ทำธุระเสร็จ เราก็เช็คเอ้าท์และจุดหมายของเราในเช้าวันนี้คือ จุดชมวิวภูทับเบิก


เราขับรถจากที่พักมาประมาณไม่ถึง 15 นาที ก็ถึงจุดชมวิวภูทับเบิก จอดรถไว้แล้วก็เดินไปประมาณ 200 เมตร เราก็ต้องร้องว้าวให้กับวิวที่เห็น นั่นก็คือทะเลหมอกปังๆ ที่เราตามหา วันนี้ไม่ใช่วันหยุด นักท่องเที่ยวไม่เยอะ เราเดินชมวิวและถ่ายรูปรอบๆจุดชมวิว บอกเลยว่าเราตัดสินใจมาเที่ยวภูทับเบิกช่วงหน้าฝน มันทำให้เราไม่ผิดหวังจริงๆ

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

ภูทับเบิก

จากจุดชมวิวภูทับเบิกไปที่ผาหัวสิงห์ ประมาณ 5 กม. เป็นอีกจุดไฮไลท์สำคัญที่ใครมาเที่ยวภูทับเบิกแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะที่นี่สวยมาก บอกเลยว่าใครที่มาเที่ยวภูทับเบิก แต่ไม่ได้มาที่ผาหัวสิงห์ ถือว่ามาไม่ถึงภูทับเบิก

จุดชมวิวผาหัวสิงห์

จุดชมวิวผาหัวสิงห์ จริงๆ แล้วรถยนต์สามารถไปได้ แต่เราไม่แนะนำให้เอารถเข้าไป เพราะทางค่อนข้างแคบและมีหลุมเยอะและที่สำคัญจะทำให้บดบังทัศนียภาพที่สวยงามอีกด้วย เราแนะนำว่าจอดไว้ที่ลานจอดรถแล้วเดินไปไม่ไกล ประมาณ 200 เมตร ก็คงไม่เหนื่อยมาก และเราก็ใช้วิธีเดินไปจุดชมวิวเช่นกัน แผนที่ คลิกที่นี่

ผาหัวสิงห์

เราเดินลัดเลาะตามทางเดินไหล่เขา ที่เป็นที่กางเต็นท์เดิมของนักท่องเที่ยว เดินมาสัก 50 อ้อมมาอีกฝั่งจากที่จอดรถ เราก็จะมองเห็นวิวของผาหัวสิงห์ได้อย่างชัดเจน

เราเดินไป ถ่ายรูปไป พักดื่มน้ำไป และเราก็ไม่ลืมที่จะพกน้ำติดเป้คู่ใจของเรามาด้วย เป้ CHRISTOPHER GLOSSY BLOCKING SERIES ตัวนี้ เป็นเป้ที่ใช้งานได้หลากหลายจริงๆ นอกจากจะไว้ใส่เสื้อผ้าของใช้ต่างๆแล้ว ยังสามารถใช้พกพาน้ำดื่ม และอุปกรณ์การถ่ายรูปของเรา เวลาที่เราเดินเที่ยวได้อีกด้วย

 

ผาหัวสิงห์ มีลักษณะเป็นหน้าผายื่น มีความสวยงามมากในมุมมองของนักท่องเที่ยวอย่างเรา แต่ในความสวยงามนี้ก็มีความอันตรายแฝงอยู่ในตัวของมันด้วย ถึงอย่างไรเราก็ไม่ควรประมาท อย่าไปถ่ายรูปใกล้หน้าผามาก ถึงจะมีรั้วกันแต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนครับ

ผาหัวสิงห์

 

 

ผาหัวสิงห์

ผาหัวสิงห์

อีกสิ่งที่เราอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ ที่กำลังวางแผนที่จะมาเที่ยวภูทับเบิก คือเรื่องของเส้นทางการขึ้นภูทับเบิก มีเส้นทางที่สูงชันและคตเคี้ยวมาก เพื่อนๆ ที่ไม่มีประสบการณ์การขับรถขึ้นเขาลงเขา เราว่าควรหาคนที่มีประสบการณ์มาด้วย จะปลอดภัยกว่า และพยายามขึ้นให้ถึงข้างบนก่อน 17.00 น. เพราะถ้ายิ่งค่ำจะมีหมอกลงหนา ทำให้ยิ่งอันตรายมากขึ้นกว่าเดิมอีก ขอให้เพื่อนๆ ขับรถอย่างระมัดระวังและเที่ยวกันอย่างมีความสุข

ภูทับเบิก

เป็นยังไงกันบ้าง กับทริปภูทับเบิกหน้าฝนกับเป้คู่ใจของเรา จากที่ปวดหัวกับการจะแพ็คของยังไง เอาอะไรไปบ้าง ใช้เป้ใบไหนดี หลังจากที่เราได้ใช้งานเจ้า CHRISTOPHER GLOSSY BLOCKING SERIES  ทำให้ทริปนี้ของเราง่ายขึ้นเยอะเลย บอกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ที่เลือกเป้ใบนี้ในการออกทริป ตามสโลแกนของร้านที่ว่า “จัดเก็บความฝันลงกระเป๋า แล้วก้าวไปท่องโลกกัน”นอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้ว ยังจะเหมาะกับทริป 2 วัน 1 ของเรามากๆ ด้วย สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหาเป้เดินทางดีๆ สักใบ ไว้สำหรับออกท่องเที่ยวตามความฝันของตัวเอง สามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่เว็ปไซต์ https://www.doughnutthailand.com/

Doughnut Bag Thailand
Doughnut Bag Thailand

การเดินทางทริปนี้ จะสวยงามแค่ไหน ก็ยังคงเป็นแค่รูปถ่ายและการบอกเล่าเท่านั้น สุดท้ายแล้ว เราก็ยังอยากให้เพื่อนๆ ได้ออกไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติด้วยตัวเอง เหมือนดังสุภาษิตที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น และเราหวังว่าทริปนี้ จะเป็นไกด์นำทางให้ใครหลายๆ คน ที่กำลังคิดจะออกไปเที่ยวหรือกำลังวางแผนที่จะเที่ยวได้ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเที่ยว เก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ แล้วอย่าลืมที่จะกลับมาบอกต่อให้เพื่อนๆ ของเรารู้ว่าธรรมชาติในเมืองไทย สวยงามแค่ไหน เพียงเท่านี้ ก็เป็นการแบ่งปันความสุขจากการเที่ยวให้กับเพื่อนๆ ของเราได้ไม่มากก็น้อย

การเดินทางทริปต่อไปจะเป็นที่ไหน อย่าลืมติดตามเราได้ที่เว็ปไซต์ www.viewseekerthai.com