หลวงพระบาง ลาว

“หลวงพระบาง” จริงๆแล้ว คำๆนี้มันติดอยู่ในใจเรามานานมาก ครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้ มาจากชื่อหนังที่เราเคยดูเมื่อหลายปีก่อนเรื่องนึงที่คิดว่าหลายคนคงเคยได้ดู แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองหลวงพระบางมากเท่าไหร่ แต่เสน่ห์ของสถานที่ถ่ายทำอื่นๆในประเทศลาว และตัวละคร ทำให้เราต้องเซฟไว้ในเมมโมรี่หัวใจว่าสักวันเราต้องไปที่นี่ให้ได้

ปลายเดือนนี้เรามีวันหยุด 3 วัน คิดว่าจะต้องไปเที่ยวที่ไหนสักที่ อยากใช้ชีวิตแบบช้าๆ สงบๆ อยู่กับวิถีที่เรียบง่าย
สัก 3 วัน 2 คืน ที่งบหลักพันก็สามารถเที่ยวได้เลยแบบไม่ต้องรอ แล้วชื่อนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง “หลวงพระบาง” เราไม่รอช้าที่จะหาข้อมูลท่องเที่ยวรวมถึงการเดินทาง แล้วก็เจอข้อมูลที่เที่ยวเยอะมาก และการเดินทางเราเลือกที่จะจองตั๋วเครื่องบินของ
Air Asia บินตรงจากดอนเมืองสู่หลวงพระบาง ซึ่งสายการบินแอร์เอเชียเขามีเที่ยวบินจาก ดอนเมือง-หลวงพระบาง ทุกวัน ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็ถึงเมืองหลวงพระบางแล้ว และราคานั้นไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับความ รวดเร็ว สะดวกสบายในการเดินทาง เหมาะกับคนที่ทำงานประจำและมีเวลาน้อยอย่างเรา

ไม่รู้นะว่าจะมีใครเป็นเหมือนเรามั้ย ทุกครั้งที่รู้ว่าตัวเองต้องออกเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปที่ไหน จะใกล้ จะไกล ก็จะตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ และตอนนี้ คำว่า “หลวงพระบาง” มันดังอยู่ในหูตลอดเวลา ความรู้สึกเหมือนเรากำลังจะได้เจอกับคนที่เราตามหามานานแสนนาน ทีนี้แหละเราจะได้ทำความรู้จักกับเธอแบบจริงๆจังๆซักที “หลวงพระบาง”

วิถีสโลว์ไลฟ์ ถ้าเปรียบเทียบเป็นสัตว์ก็คงจะเป็นตัวสล๊อท แต่ถ้าเทียบเป็นเมืองก็น่าจะเป็นเมืองหลวงพระบาง นี่แหละ
“เมือง หลวงพระบาง” ถูกยกให้เป็นเมืองมรกดโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) และยังเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศลาว ได้ถูกขนานนามจากนักท่องเที่ยวให้เป็นบิดาแห่งสโลว์ไลฟ์ ด้วยวิถีชีวิตของคนที่นี่อยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่เร่งรีบ ช้าๆ เนิบๆ เป็นเมืองที่เงียบสงบ วัฒนธรรม สิ่งปลูกสร้างต่างๆ มีความเก่าแก่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนที่ยังคงสภาพเก่าแก่ วัดวาอาราม โบราณสถานต่างๆ ทำให้ผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตของคนที่นี่ได้อย่างลงตัว

การมาเที่ยวหลวงพระบางของเราในครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเรา ไม่ได้วางแผนอะไรมามาก มีข้อมูลคร่าวๆว่าที่ไหนน่าเที่ยว ที่ไหนเป็นจุดเช็คอิน ส่วนเรื่องเวลาก็มาว่ากันหน้างานเลย ห้องพักไม่ได้จอง มีแค่ตั๋วเครื่องบิน กะว่าจะว็อคอินเข้าไปเลย เพราะทริปนี้เรามากันแค่ 2 คนกับเพื่อน คงไม่มีอะไรยุ่งยาก

สำหรับเที่ยวบินของเรา เที่ยวบินที่ FD 1030 ออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 14.30 น. ถึง สนามบินนานาชาติหลวงพระบาง เวลาประมาณ 16.00 น.

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

ระหว่างการเดินทางก็มีบริการอาหาร ซึ่งเราได้ทำการจองมาแล้ว เป็นเมนู Chef Hong’s Korean Sweet and Spicy Chicken อร่อยใช้ได้เลย ใครมาจองตั๋วเครื่องบินของแอร์เอเชียเราก็อยากให้ลองดู

หลวงพระบาง ลาว

เราใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อมาถึงสนามบินนานาชาติหลวงพระบางแล้ว สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ แลกเงินและซื้อซิมการ์ด สำหรับอัตราและเปลี่ยนวันที่เรามาหลวงพระบางจะอยู่ที่ 1 THB = 271.72 LAK หรือจะคิดง่ายๆ คือ 10,000 LAK = 36 THB เราแนะนำให้แลกไปเลย ถ้าไปแลกในเมืองอาจจะเสียเปรียบบ้างแต่ก็ไม่มาก ซิมการ์ดก็แนะนำซื้อจากที่นี่ไปเลย

หลวงพระบาง ลาว

เรานั่งรถตู้จากสนามบินเข้ามาในเมืองหลวงพระบาง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่ารถตู้คนละ 25,000 กีบ หรือประมาณ 90 บาท บอกคนขับให้ไปส่งในเมืองแถวๆริมแม่น้ำโขงเพราะจะได้พักใกล้ๆเมืองเก่า เราเดินหาที่พัก แล้วก็มาเจอที่พักที่เราต้องการ ที่นี่คือ Mekong Sunset Guesthouse เป็นที่พักราคาไม่แพง อยู่ติดกับแม่น้ำโขง แค่คืนละ 170,000 กีบ เราเลือกห้องนอนแบบ 2 เตียง อยู่กัน 2 คืน ตกประมาณคนละ 630 บาท เท่านั้นเอง

หลวงพระบาง ลาว

วันนี้หลังจากที่เราหาที่พักได้และเช็คอินเสร็จ ก็ยังมีเวลาเหลือให้เราได้เดินเที่ยวและชมวิวพระอาทิตย์ตกริมแม่น้ำโขงและมาจบที่ร้านอาหารหน้าที่พักของเรา อยู่ติดริมน้ำโขง สั่งอาหารมานั่งทาน รับลมเย็นๆ บรรยากาศดีๆ โคตรๆ

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

เช้านี้เราตื่นตีสี่ครึ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกไปที่ถนนเส้นหลักที่จะเข้าไปย่านเมืองเก่า ที่ๆเราไปตักบาตรข้าวเหนียวเช้านี้คือ หน้าวัดแสนสุขาราม ทุกเช้าจะมีพระสงฆ์ไม่น้อยกว่าสองร้อยรูปจาก 13 วัด มาเดินบิณฑบาตร ชาวบ้านก็จะตื่นมารอใส่บาตรเป็นกิจวัตรกันทุกๆเช้า นอกจากชาวบ้านแล้วก็จะมีนักท่องเที่ยวอย่างเราๆนี่แหละ ที่มารอตักบาตรข้าวเหนียวกัน ก็จะมีชาวบ้านเตรียมชุดใส่บาตรมาขายและตั่งเล็กๆมาเรียงไว้เป็นแถวยาวไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งใส่บาตรกันด้วย (ตั่ง คือ เก้าอี้ขาสั้นๆ)

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

ระหว่างทางที่เราเดินกลับจากตักบาตรที่หน้าวัดแสนสุขาราม ก็เดินผ่านมาสะดุดตากับรถเต่าคันเก่าๆสีแดงสุดคลาสสิคคันนึง จอดอยู่หน้าร้าน 3Nagas Luang Prabang เป็นร้านอาหารและโรงแรมในเครือของ Sofitel ไอ้ความเก๋ของเจ้ารถเต่าสีแดงคันนี้ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะต้องขอถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆกันด้วย

หลวงพระบาง ลาว

หลังจากตักบาตรเสร็จ ระหว่างที่เราเดินกลับที่พักก็จะผ่านตลาดเช้า ที่นี่แตกต่างจากตลาดบ้านเราคือ ความเงียบ สบายหู พ่อค้าแม่ค้าที่นี่จะไม่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายเหมือนที่เราเคยเจอ เป็นตลาดที่เราเดินแล้วรู้สึกสบายใจมาก อยากกินอะไร ยืนเลือกกันได้แบบไม่มีใครมากดดัน ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ถ้าเราพอใจค่อยซื้อ ตลาดเช้าของส่วนมากที่นำมาขายจะเป็นของสด ผัก ผลไม้ หมู เห็ด เป็ด ไก่ แต่เป็ดกับไก่นี่คือสดมากจริงๆ คือแบบเอามาขายตัวเป็นๆเลย แต่ก็มีบางร้านที่ทำมาแล้ว ก็ผสมปนเปกันไป

ตลาดเช้า หลวงพระบาง ลาว

ตลาดเช้า หลวงพระบาง ลาว

ตลาดเช้า หลวงพระบาง ลาว

เดินลัดเลาะออกจากตลาดเช้า ระหว่างทางกลับที่พัก ก็ต้องชะงักกับร้านกาแฟร้านนึง ชื่อ ร้านประชานิยม เป็นร้านกาแฟที่มีโจ๊ก ใช่แล้ว ร้านนี้ขายกาแฟและโจ๊ก คนเยอะทั้งคนลาวและนักท่องเที่ยว สมกับชื่อร้าน ประชานิยม จริงๆ

ร้านประชานิยม หลวงพระบาง ลาว

เรากินไปหลายอย่าง ทั้งโจ๊ก กาแฟ ปลาท่องโก๋ ไข่ลวก น้ำเปล่า คิดไว้คงหมดเป็นแสนแน่ๆ แต่คิดเงินออกมา 3 หมื่น รอดตัวไป ราคานี้ถือว่าไม่แพง

 

กลับถึงที่พัก ก็บอกให้พนักงานเรียกมอไซด์ให้หน่อย วันนี้เราจะเช่ามอเตอร์ไซค์ขับไปเที่ยวน้ำตกกวางสี ค่าเช่ามอเตอร์ไซค์วันละ 1 แสนกีบ เราเลยเช่าเผื่อวันพรุ่งนี้ด้วยอีกครึ่งวัน รวมเป็น 150,000 กีบ เช่าทีเดียวยาวๆ

ร้านประชานิยม หลวงพระบาง ลาว



ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี

ห่างจากตัวเมืองหลวงพระบางประมาณ 25 กิโลเมตร การเช่ามอเตอร์ไซค์มีข้อดีคือ ไปถึงน้ำตกไว เราจะมีเวลาในการเที่ยวมากขึ้น อยากเที่ยวตรงไหน แวะจุดไหนก็ได้ ทำให้การท่องเที่ยวของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี หลวงพระบาง

ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี หลวงพระบาง

ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี หลวงพระบาง

ที่นี่เก็บค่าเข้าชมคนละ 10,000 กีบ น้ำตกกวางสีเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในย่านนี้ และมันก็จริงอย่างที่เขาเล่าลือ คือมันสวยมาก น้ำเป็นสีฟ้า ใสจนมองเห็นตัวปลา น้ำตกกว่าสีมีทั้งหมด 4 ชั้น เราเดินถ่ายรูปไปเรื่อย ไล่เก็บตั้งแต่ชั้นที่ 1 ถึง ชั้นที่ 4 ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป

ตาดกวางสี หรือ น้ำตกกวางสี หลวงพระบาง

ระหว่างเดินกลับไปที่จอดรถก็จะผ่านศูนย์อนุรักษ์หมี มีหลายตัว น่ารักมาก นอนเหมือนคนขี้เกียจ หมีพวกนี้เป็นหมีที่เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือมาจากการค้าสัตว์ป่าในประเทศลาว และเอากลับมาดูแลและอนุรักษ์ไว้ที่นี่ รายได้จากการขายตั๋วเข้าชมน้ำตก ก็จะนำมาเป็นค่าเลี้ยงดูให้กับน้องหมีที่นี่ด้วย

ระหว่างเดินกลับไปที่จอดรถก็จะผ่านศูนย์อนุรักษ์หมี มีหลายตัว น่ารักมาก นอนเหมือนคนขี้เกียจ หมีพวกนี้เป็นหมีที่เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือมาจากการค้าสัตว์ป่าในประเทศลาว และเอากลับมาดูแลและอนุรักษ์ไว้ที่นี่ รายได้จากการขายตั๋วเข้าชมน้ำตก ก็จะนำมาเป็นค่าเลี้ยงดูให้กับน้องหมีที่นี่ด้วย

น้ำตกกวางสี หลวงพระบาง

ขากลับจากน้ำตกกวางสี ระหว่างทางเราก็มาแวะที่ ปางช้าง ค่าเข้าคนละ 40,000 กีบ มีอาหารให้แล้วในราคานี้ สามารถหยิบอาหารแล้วเดินเข้าไปป้อนน้องช้างได้เลย และที่นี่ยังมีกิจกรรมขี่ช้างด้วยนะ แต่จะต้องเพิ่มค่าขี่ช้างไปอีก

ปางช้าง หลวงพระบาง ลาว

ปางช้าง หลวงพระบาง ลาว

ยังไม่พอ ขากลับเราจะต้องแวะอีกที่นึง นั่นก็คือ ฟาร์มควาย เอ๊ะ อ่านแล้วก็งงๆใช่ไหมละ ว่ามันแปลกและน่าดูตรงไหนวะควาย จริงๆแล้วที่แวะเนี่ยไม่ใช่เพราะอยากดูควาย แต่เพราะที่นี่มันมีกาแล่มนมควาย(ไอกรีมนมควาย) ซึ่งนมที่เอามาทำกาแล่มนมควายที่ว่านี่ก็เอามาจากควายในฟาร์มนี่แหละ เกิดมายังไม่เคยกินเหมือนกัน เลยขอแวะชิมหน่อย

กาแล่มนมควาย รสชาติก็จะคล้ายๆกับไอกรีมที่เราเคยกินนั่นแหละ แต่จะมีกลิ่นไอของความเป็นควายผสมอยู่ในนั้นด้วย แปลกไปอีกแบบ ถือว่าได้ลอง ไม่เสียหาย ส่วนใครที่อยากเข้าไปเดินทัวร์ในฟาร์มก็ได้ มีไกด์เป็นฝรั่งพาเดินและเป็นวิทยากรให้ตลอดทริป ค่าเข้าชมก็คนละ 50,000 กีบ/1 ชม. เราได้ชิมแค่นี้ก็เป็นบุญปากแล้ว

กาแล่มนมควาย หลวงพระบาง ลาว

เรากลับเข้ามาในเมืองหลวงพระบาง เป็นช่วงบ่ายๆ แดดช่วงนี้ก็จะแรงๆหน่อย เลยหาที่หลบแดดกันสักหน่อย เลยไปเจอร้านอยู่ร้านนึงในรีวิวของคนอื่น คือ ร้าน Utopia ร้านชิวลึกลับที่ไม่ลับ ที่บอกว่าลึกลับคือ เราหาทางเข้าไม่เจอ แต่เป็นร้านที่ดังมาก อยู่ในซอยเล็กๆ ถ้าตาม GPS ไปต้องหาป้ายทางเข้าให้เจอ ใครชอบบรรยากาศชิวๆ ต้องห้ามพลาดเลย Utipia เป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ ในร้านเดียวกัน แถมมีที่ให้นอนพักผ่อนกันแบบชิวๆ สั่งอาหารเครื่องดื่ม มานั่งกิน หรือใครจะมานอนพักผ่อนเหมือนกับเราก็ยังได้ ร้าน Utopia อยู่ติดกับแม่น้ำคาน สามารถมองเห็นสะพานเหล็ก และสะพานไม้ไผ่ สองจุดเช็คอินได้จากร้านนี้ ส่วนเราสั่งน้ำมะพร้าวเย็นๆ นอนรอให้แดดเย็นลง แล้วจะไปเดินขึ้นพระธาตุพูสีเพื่อดูพระอาทิตย์ตกกัน

Utopia หลวงพระบาง ลาว

Utopia หลวงพระบาง ลาว

Utopia หลวงพระบาง ลาว

Utopia หลวงพระบาง ลาว

แดดเริ่มเย็นลงเราก็ขับมอเตอร์ไซค์คันเดิมของเราออกไปเพื่อจะเดินขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุพูสี ทางขึ้นพระธาตุพูสี ตรงทางขึ้นก็จะมีแม่ค้ามาขายดอกไม้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นำขึ้นไปสักการะพระธาตุและยังมีการปล่อยนกเพื่อทำบุญด้วย การขึ้นพระธาตุพูสีต้องเดินขึ้นบันไดอีก 328 ขั้น ใช้เวลา 10 นาทีเราก็เดินมาถึงยอดพระธาตุพูสี ข้างบนนี้มีนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์ตกกันเยอะมาก ทั้งชาวไทย จีน ฝรั่ง หรือแม้แต่คนลาวเอง ต่างพากันมานั่งรอพระอาทิตย์อัสดงกันอย่างหนาตา

พระธาตุพูสี หลวงพระบาง ลาว

พระธาตุพูสี หลวงพระบาง ลาว

พระธาตุพูสี หลวงพระบาง ลาว

ด้านบนพระธาตุพูสี สามารถมองเมืองหลวงพระบางได้แบบ 360 องศา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเมืองหลวงพระบาง ใครมาหลวงพระบางแล้วไม่ได้ขึ้นมาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงหลวงพระบาง พระธาตุพูสี เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง ชาวพุทธอย่างเราไปเที่ยวทั้งทีก็ต้องขึ้นไปกราบไว้สักการะ เหมือนเวลาไปเที่ยวเชียงใหม่ เราก็จะไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ อะไรประมาณนั้น

พระธาตุพูสี
หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเราก็มาต่อกันที่ ตลาดมืด ถ้าภาษาบ้านเราฟังแล้วคงนึกถึงตลาดค้าของเถื่อนอะไรประมาณนั้น แต่ที่นี่ ตลาดมืด คือ ตลาดที่เปิดตอนมืด อารมณ์แบบถนนคนเดินบ้านเรา ใครที่กลับลงมาจากพระธาตุพูสี ก็ลงมาเดินตลาดมืดต่อ ตลาดมืดตั้งอยู่ตรงทางขึ้นพระธาตุพูสีนั่นเอง

 

ตลาดมืด หลวงพระบาง ลาว

ตลาดมืดมีของหลายอย่างให้เลือกซื้อไม่ว่าจะเป็น ผ้าลายพื้นเมือง เครื่องเงิน ของที่ระลึกจากหลวงพระบาง เป็นต้น ที่นี่เป็นตลาดที่ 2 แล้วที่เรามาเดินในเมืองหลวงพระบาง ก็ยังทำให้เรารู้สึกแปลกใจกับความเงียบของตลาด สงสัยวัฒนธรรมของผู้คนที่นี่จะเป็นแบบนี้จริงๆ คือเงียบแบบเดินแล้วสบายใจ แต่ทุกคนก็ขายของได้ตามปกติ คนเยอะ แต่เงียบ เป็นอะไรที่เราชอบมากๆ

ตลาดมืด หลวงพระบาง ลาว

เราก็เดินไปเรื่อยจนไปเจอซอยเล็กๆ ในซอยนี้ก็เรียกตลาดมืดเหมือนกัน แต่จะต่างจากข้างนอกคือ ในซอยนี้จะขายอาหารล้วนๆ เราก็เลลองเดินเข้าไปดู ไปเจอร้านๆนึงคนมุงกันเยอะ เราเลยแวะดู มันคือร้านบุฟเฟ่ต์ มีอาหารหลายอย่างให้ตัก เลือกตักได้ตามสบายใจ ราคาคนละ 15,000 กีบ เท่านั้น เราก็จัดไป 1 อิ่ม แล้วค่อยกลับที่พักเพื่อพักผ่อน

ตลาดมืด หลวงพระบาง ลาว

ตลาดมืด หลวงพระบาง ลาว

เช้านี้เราตื่นสายกว่าเมื่อวานเล็กน้อย เพราะวันนี้เราจะเที่ยวในเมืองย่านเมืองเก่ากัน วันนี้ก็เหมือนเดิม หลังจากทานข้าวเสร็จ เรายังมีมอเตอร์ไซด์เพื่อนร่วมชะตากรรมที่อยู่กับเราทั้งวันเมื่อวานนี้ ที่ๆเราจะไปที่แรกวันนี้คือ วัดเชียงทอง

หลวงพระบาง

สำหรับใครที่ชอบการออกกำลังกาย อยากจะหาเช่าจักรยานปั่นเที่ยว ก็มีร้านเช่าจักรยานให้เช่าเยอะมาก หาได้ตามข้างทางเส้นเมืองเก่า หรือจะสอบถามจากพนักงานโรงแรมที่เราเข้าพักก็ได้ ถ้าเป็นโรงแรมใหญ่ๆ จะมีจักยานไว้ให้นักท่องเที่ยวที่เข้าพักยืมปั่นเที่ยวด้วย

หลวงพระบาง

ระหว่างทางเราที่ขับรถไป เราเหลือบไปเห็นอาคารเก่าๆ แต่ยังใช้งานอยู่ เลยอยากถ่ายรูป ที่นี่ก็คือแผนกมรดกโลก เราก็ไม่รู้ว่ารายละเอียดข้างในเป็นยังไง เขาทำงานอะไรกัน รู้อย่างเดียวว่ามันสวยมาก เราก็เลยถ่ายรูปมาให้ชมกัน

หลวงพระบาง

วัดเชียงทอง
เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ล้านช้าง ราชวงศ์หลวงพระบาง และราชวงศ์ลาว ถูกสร้างในราวปี พ.ศ.2103 เป็นวัดที่เก่าแก่มาก สิมวัดเชียงทองหรืออุโบสถวัดเชียงทอง ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมลาวสมัยโบราณก่อนรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน และรอบๆ อุโบสถยังมีลวดลายที่สวยงาม

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจและใครไปต้องไปถ่ายรูปมุมนี้แน่นอน คือ วิหารแดง ตั้งอยู่ด้านข้างของอุโบสถ จะมีหน้าต่างที่คนสามารถขึ้นไปถ่ายรูปสวยๆได้ และภายในยังมีกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมอีก 1 อย่าง คือ การอธิฐานยกพระเสี่ยงทาย

หลวงพระบาง ลาว

และเยื้องๆ ด้านหน้าของอุโบสถวัดเชียงทองจะเป็น โฮงเมี้ยนโกศ (โรงเก็บพระโกศและราชรถพระรถสำหรับอัญเชิญพระโกศ) สร้างขึ้นในราชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ด้านในจะมีพระราชรถที่เก็บไว้ มีลวดลายสวยงามมาก

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

หลังจากที่ถ่ายรูปและเดินเที่ยวในวัดเชียงทองเสร็จก็สายๆแล้ว แดดเริ่มแรง ใกล้กับวัดเชียงทองจะมีร้านคาเฟ่ชื่อ View Point Cafe   ก็สมชื่อเค้าแหละครับ ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณแหลมที่แม่น้ำคานมาบรรจบแม่น้ำโขง นั่งชมวิวแม่น้ำสองสายแถมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ด้านหน้ามีสะพานไม้ไผ่ที่จะเดินข้ามไปอีกฝั่ง ฝั่งนั้นคือหมู่บ้านหัตถกรรม ใครที่อยากจะไปก็สามารถซื้อตั๋วค่าผ่านทางและเดินข้ามไปได้เลย

หลวงพระบาง ลาว

พอเสร็จจิบกาแฟชื่นใจกันแล้ว เราก็มาเที่ยวต่อกันที่ วัดแสนสุขาราม เป็นวัดที่เรามาตักบาตรเมื่อเช้าวานนี้ เป็นอีกหนึ่งวัดที่สะดุดตาเมื่อได้มองเห็น ขับรถผ่านมาอีกรอบ เลยจอเข้าไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย จุดเด่นของวัดแสนสุขารามคือ พระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ ที่มีอยู่เพียงองค์เดียวในหลวงพระบาง มีพระหัตถ์ที่งดงามผ่องแผ้ว และหอรอยพระพุทธบาทจำลองด้านข้างหอพระยืน ส่วนพระอุโบสถลงรักปิดทองอย่างสวยงาม

หลวงพระบาง ลาว

วัดวิชุนราช
ภายในวัดวิชุนราช มี พระธาตุหมากโม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ แต่ต่อมาได้มีการย้ายไปประดิษฐานที่หอพระบาง พระธาตุหมากโม ถือว่าเป็นเจดีย์ที่รูปร่างแปลกตาที่สุด เป็นเจดีย์ปทุมหรือพระธาตุดอกบัว แต่เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายแตงโมผ่าครึ่งหรือทรงโอคว่ำ ชาวลาวทั่วไปจึงพากันเรียกว่า พระธาตุหมากโม ที่แปลว่าแตงโมนั่นเอง

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

จากนั้น เราก็มาต่อที่ พระบรมมหาราชวัง (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ) หลวงพระบาง อยู่บนถนนติดกับตลาดมืด หอพิพิธภัณฑ์พระราชวังหรือหอคำ เดิมคือพระราชวังของเจ้ามหาชีวิตสายหลวงพระบาง จึงเรียกอีกชื่อว่า วังเจ้ามหาชีวิต สร้างเมื่อ พ.ศ. 2447 ในสมัยเจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ปัจจุบันถูกปรับปรุงให้เป็นหอพิพิธภัณฑ์หลวง โดยใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่า เช่น บัลลังก์ ธรรมาสน์ เครื่องสูงและราชูปโภคของเจ้าชีวิต พระพุทธรูป และวัตถุโบราณ รวมถึงของขวัญจากประเทศต่างๆ สามารถเข้าไปชมด้านในได้ แต่ห้ามถ่ายรูป

พระบรมมหาราชวัง (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ)
ช่วงเช้า 8.00 น. – 11.30 น. ปิดขายบัตรเข้าชมสำหรับภาคเช้าเวลา 11.00 น.
ช่วงบ่าย 13.30 น. – 16.00 น. ปิดขายบัตรเข้าชมสำหรับภาคบ่ายเวลา 15.30 น
ค่าเช้าชมคนละ 30,000 กีบ

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

Joma Bakery Cafe New Branch Khan River
หลังจากที่เราเที่ยว
พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง อยากหาร้านกาแฟเก๋ๆนั่งชิวๆกัน และเราจะพาไป ร้าน Joma จริงๆแล้วมี 2 สาขา สาขาแรกคนไปรีวิวมาเยอะแล้ว วันนี้เราจะพาไปสาขา 2  ชื่อเต็มๆของร้านนี้คือ Joma Bakery Cafe New Branch Khan River สาขานี้จะอยู่ติดริมน้ำคาน ถ้าเรามาจากถนนตลาดมืด ให้วัดพูสีอยู่ขวามือ เดินมาเรื่อยๆ จนสุดตลาด ตรงไปอีกซักพัก ก็จะเจอสี่แยก ให้เลี้ยวขวาเดินตรงไปลงให้เจอแม่น้ำคาน เจอแม่น้ำก็เลี้ยวซ้าย เดินไปประมาณ 50 เมตร ก็เจอร้านอยู่ซ้ายมือ
ร้าน มี 2 ชั้น มีทั้งนั่งตรงระเบียง ชมสายน้ำคาน หรือ จะนั่งตากแอร์ข้างในก็ล้วนแล้วแต่ดีย์ทั้งนั้น ในร้านมี Free wifi ให้เล่น เมนูของที่ร้านจะเป็นพวกเค้ก กาแฟ ไอศกรีม หรือพวกขนมปังบาร์เกตก็มีให้เลือกกันอย่างจุใจ

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

และอีกร้านที่ขับรถผ่านแล้วสะดุดตามากๆ คือ La Beneton Cafe เป็นร้านกาแฟที่เป็นร้านสไตล์ฝรั่งเศส บรรยากาศชิวๆ น่านั่งมาก อยู่ถนนเส้นเมืองเก่านั่นเอง แต่เป้าหมายของเราไม่ใช่ที่นี่ เลยแค่จอดถ่ายรูปมาแนะนำเพื่อนๆ เผื่อมีใครอยากจะลองไปนั่ง แล้วกลับมาบอกเราด้วยนะ

หลวงพระบาง ลาว

และที่สุดท้ายในการมาเที่ยวหลวงพระบางของเราในครั้งนี้ ต้องร่ำลาให้สมศักดิ์ศรีกันหน่อย ก่อนที่เราจะกลับไปเช็คเอ้าท์ที่พัก เราก็ต้องหาอะไรรองท้อง เรามาส่งท้ายกันที่ร้านตำหมากหุ่งเจ๊ติ๋ม หรือร้านส้มตำเจ๊ติ๋ม เป็นร้านส้มตำร้านดังคู่เมืองหลวงพระบาง ดูจากรูปที่ติดอยู่ข้างฝาผนังแล้ว มีดาราคนดังของไทยไปมาแล้วนับไม่ถ้วน เช่น พี่วุ้ดดี้, เดอะทอยส์ และอีกมากมาย รสชาติตำหมากหุ่งของเจ้ติ๋มทำให้เราหวนคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที ร้านส้มตำเจ๊ติ๋มอยู่ซอยข้างๆ กับวัดแสนสุขาราม ที่เรามาตักบาตรกันเช้าวันแรกนั่นแหละ ใครจะตั้ง GPS มาก็ได้

ส้มตำป้าติ๋ม หลวงพระบาง

ส้มตำป้าติ๋ม หลวงพระบาง

หลังจากเสร็จจากกินส้มตำร้านเจ้ติ๋ม ก็ต้องกลับที่พักเพื่อเช็คเอ้าท์และเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้ว เราให้พนักงานโรมแรมเรียกรถตู้เพื่อให้ไปส่งที่สนามบิน ค่ารถตู้จากในเมืองหลวงพระบางไปสนามบิน เราจ่ายแบบเหมาในราคา 1 แสนกีบ คิดเป็นเงินไทยหารกันสองคนก็ตกคนละ 190 บาท

หลวงพระบาง ลาว

รถตู้มาส่งเราที่สนามบิน เราเช็คอินและเข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องกลับ และแน่นอนขากลับเราก็เลือกใช้บริการของสายการบินแอร์เอเชียเช่นเคย เครื่องออกจากสนามบินหลวงพระบางเวลา 16.30 น. ระหว่างรอเครื่อง เราก็นั่งหักลบกลบหนี้ คิดคำนวนค่าใช้จ่ายของการมาเที่ยวหลวงพระบางครั้งนี้ จากที่แลกมา 3,000 บาท ก็ยังมีเงินเหลือกอีกเกือบ 2 หมื่นกีบ หรือประมาณ 70 บาท ถือว่าทริปนี้ของเราประสบความสำเร็จพอสมควร

หลวงพระบาง ลาว

หลวงพระบาง ลาว

และในที่สุดเวลา 3 วัน 2 คืน ของเราในเมืองที่ซึ่งเป็นบิดาแห่งสโลวไลฟ์ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เราหันกลับไปมองเธอ(หลวงพระบาง) และบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย ใจหายเหมือนกันนะ กับเวลา 3 วัน 2 คืน แต่กลับทำให้เราหลงรักที่นี่อย่างบอกไม่ถูก อารมณ์เหมือนกำลังจะลาจากกับคนที่รัก วิถีชีวิตที่แสนเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ รอยยิ้มและภาษาของคนท้องถิ่นที่เราได้สัมผัสตลอด 3 วัน ทำให้เราได้รู้ถึงความสุขอย่างแท้จริงของการเที่ยว เที่ยวในแบบของตัวเอง ไม่ต้องไปแข่งกับใคร แค่เราสามารถกลับไปบอกเพื่อนของเราว่าที่นี่ดียังไง แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวที่ประสบความสำเร็จสำหรับเราแล้ว และเราให้คำมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะต้องกลับมาเที่ยวหลวงพระบางอีกเร็วๆ นี้อีกแน่นอน เพราะไม่ต้องมีเวลามาก งบประมาณเบาๆ ก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้อย่างสบายๆ

หลวงพระบาง ลาว

สำหรับทริปต่อไป เราจะไปที่ไหน เพื่อนๆสามารถติดตามเราได้ที่ Website : Viewseekerthai