แบกเป้ตะลุย ที่ราบสูงโบลาเวน ลาวใต้
ช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่นักเดินป่าบ้านเรานิยมไปเดินป่าที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศลาว นั่นก็คือ ที่ราบสูงโบลาเวน ประเทศลาวมีป่า ภูเขา ที่อุดมสมบูรณ์จำนวนมาก จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่าจำนวนไม่น้อยเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาความสุขของพวกเขา และเราก็คือหนึ่งในคนจำนวนนั้น และวันนี้เราก็จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับที่นี่
ที่ราบสูงโบลาเวน (Bolaven Plateau) อยู่ที่อุทยานแห่งชาติดงหัวสาว เมืองปากซอง แขวงจำปาสัก สปป.ลาว เป็นที่ราบสูงที่มีความสวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มากๆ มีลักษณะเป็นทุ่งกว้างๆ มีต้นสน ถ้าบ้านเราก็ให้นึกถึงภูสอยดาวละกัน สูงประมาณ 1,200 เมตร จากระดับน้ำละเลปานกลาง มีดอกไม้นาๆชนิด ที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยก็คือดอกเปราะภู และอื่นๆ เช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง หยาดน้ำค้างหรือจอกบ่อวาย ดอกข้าวกำ เป็นต้น ช่วงหน้าฝนนี้จะเป็นช่วงที่พีคที่สุดสำหรับการมาเที่ยวที่นี่ ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ที่เราเจอจะเป็นคนไทย 98-99% และมีฝรั่งบ้าง แต่น้อยมาก
การเดินทางนั้น ทริปนี้เรามากับเพื่อนๆอีกกว่า 10ชีวิต เป็นกลุ่มเพื่อนที่เราเดินป่าด้วยกันเป็นประจำ และมีเพื่อนบางคนที่มาด้วยกันเป็นครั้งแรกก็มี
::การเดินทางคร่าวๆ::
-รถตู้ จาก กทม.- ด่านช่องเม็ก อ.ศิรินธร จ.อุบลราชธานี
-ด่านช่องเม็ก-ปากเซ : 40 กม.
-ปากเซ-ปากซอง : 50 กม.
-ปากซอง-บ้านหนองหลวง : 12 กม. ช่วงสุดท้ายนี้เป็นทางลูกรังที่มีแต่หลุมและโคลน รถพวกเราติดหล่มกันหลายรอบ ทั้งขาเข้าและขาออก
พวกเรามีรถจากไกด์ชาวลาวที่ติดต่อไว้มารับที่ ด่านช่องเม็ก เป็นรถสองแถว นั่งได้ประมาณ 15 คน
พอมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน 12 กม. สุดท้าย ทางก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ รถของพวกเราก็ติดหล่มทันที
แค่เริ่มก็สนุกแล้วว่าไหมหละครับ
พอมาถึงบ้านหนองหลวง ซึ่งจะเป็นจุดริ่มต้นของการเดินเท้าของพวกเรา จัดเตรียมของแบ่งให้ลูกหาบเรียบร้อย พร้อมออกเดินทาง ระยะทางจากบ้านหนองหลวง-ด่านใหญ่ ประมาณ 5 กม. ช่วงแรกๆจะเดินตามถนนไปไร่ไปนาของชาวบ้าน ผ่านไร่กาแฟ และตัดเข้าป่าไป ระหว่างทางที่เราเดินฝนตกตลอดทาง และต้องเดินข้ามลำธารหลายจุด และที่เป็นจุดไฮไลท์เลยก็ตรงที่ต้องไต่สลิงเพื่อข้ามไปอีกฝั่ง ตรงนี้อันตรายมาก เพราะน้ำช่วงนี้แรง ถ้าตกลงไปนี่ไม่รู้จะเป็นยังไง ก็แนะนำให้เตรียมถุงมือกันมาด้วย จะได้จับสลิงถนัด
เราเดินตามทางรถมาจนตัดเข้าป่า หมอกลงหนาตลอดทาง และนี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่เราคิดว่ามันเป็นความสนุกอย่างนึงคือ จุดที่ทุกคนต้องใต่สลิงข้ามไปอีกฝั่ง เราเคยถามลูกหาบว่า “อ้ายๆ เป็นหยังเขาคือผูกเชือกไว้ห่างกันแท้ บ่เห็นใจคนตัวเตี้ยเลยเนาะ ลูกหาบตอบ เขาทำไว้ Size ฝรั่ง” ในใจเรา ฝรั่งที่มาที่นี่มันกี่เปอร์เซนต์กันวะ ตอบ: 1-2 % เท่านั้นเอง
แล้วพวกเราก็มาถึงจุดตั้งแคมป์เกือบๆมืดเลย ฝนก็ตกลงมาตลอดทาง ทุกคนค่อนข้างเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เมื่อหาที่ตั้งแคมป์เสร็จก็ทำอาหารกินกันและรีบเข้านอนพักผ่อนเอาแรง ไว้เดินต่อวันพรุ่งนี้
ดอกเปราะภู เป็นดอกไม้ไฮไลต์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ช่วงหน้าฝนปลายเดือนกรกฎาคม ถึง ต้นเดือน สิงหาคม นี่กำลังออกดอกบานสะพรั่งทั่วทุ่งโบลาเวนเลยทีเดียว
หลังจากที่พวกเราตั้งแคมป์กันเสร็จก็หุงหาอาหาร จะมีพี่ๆลูกหาบหาฟื้นและก่อกองไฟให้ ช่วงเดือนนี้จะมีฝนตลกตลอดเวลา หาฟืนได้ยาก ถ้าจะให้ดีควรมีเตาและแก๊สกระป๋องมาด้วย จะทำให้การทำอาหารสะดวกขึ้น
เช้านี้ เช้าวันที่ 2 ของเรา ตื่นขึ้นมากับหมอกที่ปกคลุมไปทั่ว แทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย พวกเราทานข้าวเสร็จเตรียมตัวที่จะเดินไปน้ำตกกัน
หม้อข้าวหม้อแกงลิง ก็เป็นอีกหนึ่งพันธุ์ไม้ที่หาดูได้ง่ายมากที่นี่ และดอกใหญ่มาก
เรารับประทางอาหารกันเสร็จ ก็ต้องออกเดินเท้าไปามหาน้ำตก ตาดขมึด และตาดเสือ ระยะทาง ประมาณ 3 กม.
ถึงแล้วน้ำตกตาดขมึด ช่วงนี้คนจะเยอะมาก เพราะเป็นช่วงที่พีคที่สุดแล้วหน้าฝน
ตาดเสือ อยู่ไม่ไกลกัน
พวกเราอยู่น้ำตกกันประมาณ 1 ชม. ก็ได้เวลากลับแคมป์กันแล้ว ช่วงนี้น้ำเยอะมาก ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เต็มที่ เพราะน้ำแรงมาก
แคมป์ของกลุ่มอื่น กระจัดกระจายกันอยู่ตามชายป่า
ดอกข้าวกำ พอมีให้เห็นบ้าง สวยงามไปอีก
แล้วเราก็กลับมาถึงแคมป์ สภาพอากาศก็มีฝนตกและหมอกลงหนาเช่นเคย
เช้าวันที่ 3 ได้เวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับบ้านหนองหลวงเพื่อนั่งรถสองแถวกลับด่านช่องเม็กแล้ว
ขากลับออกจากหมู่บ้าน รถสองแถวของพวกเราติดหล่มหลายครั้ง เกือบมาไม่ทันด่านปิดซะแล้ว
::ข้อมูลที่ควรรู้::
-นักท่องเที่ยวที่มาเดินป่าที่นี่ จะต้องมีคนนำทางหรือลูกหาบ 1 คน ต่อนักท่องเที่ยว 2 คน (มันเป็นกฎ)
-ควรมาอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน เพราะระยะทางค่อนข้างไกล เราอาจกลับออกมาจากหมู่บ้านเพื่อกลับ กทม.ช้า เพราะรถติดหล่ม
-ด่านช่องเม็กปิด 20.00 น. รีบออกมาให้ทันละกัน ไม่งั้นต้องนอนเฝ้าด่านนนะ
::สำหรับการให้คะแนนของที่นี่ สำหรับเรา::
-ความสวยงาม 9/10
-ความยากในการเดิน 7/10
-ความสนุกของเพื่อนในทริป 10/10
การให้คะแนนนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเราเท่านั้น สุดท้ายแล้ว เราก็ได้แค่มาแชร์และแนะนำข้อมูลเบื้องต้นเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆหลายคน ยังไงซะก็อยากให้เพื่อนๆได้มาสัมผัสสักครั้ง เราคิดว่าคนที่ชอบเดินป่าและรักในการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติแบบเรา ก็คงได้รับความประทับใจกับความสวยงามของที่นี่กลับไปแน่นอน
สุดท้าย ท้ายที่สุด เมื่อเราในฐานะนักท่องเที่ยวได้ตักตวงความสุขกันเต็มที่แล้ว เรื่องของขยะก็ควรนำกลับลงมาให้หมด อย่าให้เขาว่าเราได้ว่านำขึ้นไปได้แต่นำกลับลงมาทำไมไม่ได้ เพื่อที่จะให้ธรรมชาติที่สวยงามได้คงอยู่ให้พวกเราได้กลับไปสัมผัสกันในโอกาสต่อๆ
สำหรับทริปต่อไป เราจะไปที่ไหน เพื่อนๆสามารถติดตามเราได้ที่ Website : Viewseekerthai